องค์กรของคุณจำเป็นจะต้องมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่?

             คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส) ได้ออกประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การจัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 41 (2) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

เกณฑ์ในการกําหนดเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล (DPO)

ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องแต่งตั้ง DPO หาก:

  • ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลเป็นหน่วยงานของรัฐตามที่ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด
  • กิจกรรมของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจําเป็นต้องมี “การตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลหรือระบบ
    อย่างสม่ำเสมอ” เนื่องจาก “การมีข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก” ตามที่ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด หรือ
  • กิจกรรมหลักของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (เช่นข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ฯลฯ )

เกณฑ์ของการพิจารณาว่ากิจกรรมการประมวลผล (1) ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลหรือ ระบบอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ และ (2) เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก มีดังต่อไปนี้

หลักการทั่วไป

เมื่อพิจารณาว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจําเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากมี ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากหรือไม่ จะต้องพิจารณา “กิจกรรมหลัก” ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น คําว่า “กิจกรรมหลัก” หมายถึงกิจกรรมที่จําเป็นและสําคัญ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดําเนินงานหลักของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายหลักในการดำเนินงานในกิจการหรือภารกิจของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และไม่รวมถึงกิจกรรมทางธุรกิจเพิ่มเติมใด ๆ

การตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลหรือระบบอย่างสม่ำเสมอ

ตามประกาศกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจําเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลหรือระบบอย่างสม่ำเสมอหาก:

  • ส่วนหลักของกิจกรรมของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วยการติดตาม (track) เฝ้าสังเกต (monitor) วิเคราะห์ หรือทำนายพฤติกรรม ทัศนคติ หรือลักษณะเฉพาะของบุคคล (profile) และ
  • กิจกรรมเหล่านี้โดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเป็นระบบตามปกติหรือเป็นประจํา

ตัวอย่างของกิจกรรมการประมวลผลที่ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลหรือระบบอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่ :

  • การประมวลผลกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานของผู้ถือบัตรสมาชิก บัตรโดยสารสาธารณะ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรอื่นใดในลักษณะเดียวกันซึ่งผู้ให้บริการบัตรหรือบุคคลอื่นใดสามารถตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลการใช้งานบัตรได้
  • การดําเนินการอย่างสม่ำเสมอหรือเป็นประจําเกี่ยวกับการตรวจสอบสถานะ ประวัติ หรือคุณสมบัติของลูกค้าหรือผู้รับบริการ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อนเข้าทําสัญญาหรือให้บริการในลักษณะเดียวกัน เช่น การให้คะแนนเครดิต การประเมินเบี้ยประกันภัย และการป้องกันการทุจริต แต่ไม่รวมถึงการดําเนินงานกับข้อมูลจากบริษัทเครดิตบูโรและสมาชิกตามกฎหมายของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจข้อมูลเครดิต
  • การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาตามพฤติกรรม (behavioral advertising)
  • การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการโดยผู้ให้บริการระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือผู้ให้บริการโทรคมนาคม และ
  • การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการเฝ้าระวังและความปลอดภัย

ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก

เมื่อพิจารณาว่ากิจกรรมหลักของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลขนาดใหญ่หรือไม่ต้องพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:

  • จํานวนหรือสัดส่วนของเจ้าของข้อมูลที่มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเทียบกับจํานวนเจ้าของข้อมูลทั้งหมดที่อาจเป็นไปได้
  • ปริมาณ ประเภท หรือลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคลที่ประมวลผล
  • ระยะเวลาหรือความคงอยู่ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการ ดําเนินกิจกรรมหลักของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และ
  • ขอบเขตอาณาเขตหรือพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการประมวลผล

ตัวอย่างของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก ได้แก่

  • การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมหลัก โดยมีจำนวนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตั้งแต่ 100,000 รายขึ้นไป
  • กิจกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาเชิงพฤติกรรมดําเนินการผ่านเครื่องมือค้นหา (search engine) หรือเกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้ที่หลากหลาย
  • การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้รับบริการโดยบริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย หรือสถาบันการเงินตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่รวมถึงการจัดการข้อมูลโดยบริษัทเครดิตบูโรและสมาชิกของบริษัทเหล่านั้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต หรือ
  • การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้รับบริการโดยผู้รับใบอนุญาตประเภทที่ 3 ตามพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจอื่นได้ แต่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องรับรองกับ สคส. ว่าหน้าที่หรือภารกิจดังกล่าวต้องไม่ขัดหรือแย้งต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

Languages »